จากนักปั้นระดับโลก ประติมากรมือทองผู้ปั้น
พระบรมรูปมหาราชในดวงใจ
หากท่านที่ไม่ได้ติดตามศิลปกรรมอย่างเอาจริงเอาจัง อาจจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ อาจารย์สันติ พิเชฐชัยกุล มากนัก เพราะอาจารย์เป็นศิลปินที่นิยมและชื่นชอบการทำงานอย่างเงียบๆ ตามสไตล์วิถีชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ผลงานศิลปะของอาจารย์นั้นโด่งดัง และเป็นที่ประจักษ์ในวงการศิลปะทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการถ่ายทอดถึงจิตวิญญาณในผลงานทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นภาพจิตรกรรมต่างๆ งานประติมากรรมรูปเหมือน ซึ่งเหมือนจนแทบแยกไม่ออก
อาจารย์สันติ พิเชฐชัยกุล เกิดในครอบครัว ซึ่งคุณพ่อเป็นครู และคุณแม่เป็นช่างเย็บผ้า มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน และอาจารย์เป็นคนสุดท้อง ความเป็นศิลปินของอาจารย์นั้น แทบจะเรียกได้ว่า มีติดตัว เป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความชื่นชอบงานศิลปะ ชอบวาดภาพ และชอบงานปั้น เมื่อเติบโตขึ้นอายุได้ ๑๖ ปี อาจารย์สันติได้ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนในคณะออกแบบ สาขาวิชาชีพศิลปกรรม ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.นครราชสีมา และได้มีโอกาสรับงานวาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง ณ วัดเขาสุกริม จ.จันทบุรี รวมถึงงานศิลปะอื่นๆ เพื่อหารายได้ ส่งตนเองเรียน อาจารย์สันติ มีความปรารถนาจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยศิลปากร แต่สอบไม่ได้ จึงได้สอบเข้าเพาะช่าง และเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คลอง ๖ จ.ปทุมธานี จนสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ชื่นชอบ
( อ่านเพิ่มเติม > ประวัติ และผลงาน อาจารย์สันติ พิเชฐชัยกุล )
นอกจากจะมีความสามารถเชิงช่างในด้านการปั้นแล้ว อาจารย์สันติ ยังมีความสนใจในงานปั้นโลหะจาก Bronze อีกด้วย ผลงานของอาจารย์สันติ มีมากมายในระดับโลก ยกตัวอย่างเช่น รางวัลชนะเลิศด้านประติมากรรม จาก Art Prize ซึ่งมีศิลปินจากทั่วโลกส่งผลงานเข้าประกวดมากกว่า ๑,๕๐๐ คน หรือ แม้แต่รางวัล Best of Show 3D ในงานครบรอบร้อยปีของ Calgary Stampede Western Showcase Artists’ Studios ในเมืองคาลการี่ รัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา โดยถือว่าอาจารย์สันติ เป็นประติมากรที่เก่งที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ และยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน เป็นที่ชื่นชมและยกย่องจากศิลปินทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ
และเมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา… อาจารย์สันติ ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของชีวิต เมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้าง พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ และประดิษฐานบนปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง
ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่ดีแล้วว่า ณ ปราสาทพระเทพบิดร แห่งนี้ เป็นประดิษฐานของพระบรมรูปตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึง รัชกาลที่ ๘ และทางสำนักพระราชวังจะเปิดปราสาทพระเทพบิดร ให้ประชาชนเข้าชมในวันสำคัญเพียงปีละ ๗ วันเท่านั้น คือ
- วันจักรี
- วันฉัตรมงคล
- วันสงกรานต์
- วันปิยมหาราช
- และวันที่ ๕ ธันวาคม
เพื่อให้พสกนิกรไทยได้มีโอกาสเข้ากราบถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์
… พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า
“ผู้ที่จะเป็นผู้สร้างพระบรมรูปของพ่อเรานั้น ต้องเป็นอาจารย์สันติเท่านั้น”
https://www.youtube.com/watch?feature=share&v=M1bkYTuSyUI&app=desktop
นับเป็นเกียรติภูมิ และความภาคภูมิใจที่สุดของชีวิตอีกครั้ง ที่อาจารย์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ความรู้สึกของอาจารย์ท่วมท้นจนบรรยายความรู้สึกใดๆ ไม่ถูก มีเพียงแต่ความศรัทธาและตั้งมั่นในใจอย่างแรงกล้าว่า
“จะทุ่มเทกำลังใจ กำลังกาย ในการปั้นพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ อย่างเต็มกำลัง อย่างสุดความสามารถ สุดฝีมือ และจะไม่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวัง”
……. ผ่านมาถึง ๒ ปี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ จึงเสร็จสมบูรณ์ และวิจิตรงดงามยิ่งนัก
โดยพระบรมรูปมีความสูงจากพระบาทถึงพระเศียร ขนาด ๑๗๒ เซนติเมตร ความสูงฐานพระบรมรูปขนาด ๗ เซนติเมตร ความสูงรวมขนาด ๑๗๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง ๕๐ เซนติเมตร น้ำหนักรวม ๑๕๖ กิโลกรัม หล่อด้วยโลหะบรอนซ์ ซึ่งเป็นวัสดุผสมระหว่างทองแดงกับโลหะผสมอื่นๆ และมีทองแดงอยู่ร้อยละ ๖๐-๙๘ ที่เหลือเป็นโลหะผสมอื่นๆ
วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๓ ในเวลา ๑๘.๐๐ น.
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จฯ ลงยังหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เพื่อทรงประกอบพิธีบวงสรวง พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเคลื่อนริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภช ณ ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
นับเป็นเกียรติประวัติของศิลปินคนหนึ่งของประเทศไทย และของโลก ที่มีผลงานและรางวัลในระดับโลกอันมากมาย และด้วยผลงานการสร้าง พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต เป็นโอกาสที่หาที่ใดไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ เป็นจารึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญและความภาคภูมิใจของ ตระกูล “พิเชฐชัยกุล” ที่จะถูกบันทึกและจารึกไว้ในใจตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
“รูปปั้นของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชิ้นงานศิลปะ แต่เป็นการเก็บบันทึกเรื่องราวความทรงจำในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เก็บไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ ทำให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่า ครั้งหนึ่งเรามีพระมหากษัตริย์ไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก มหาราชซึ่งมีความห่วงใย และปลดปล่อยความทุกข์ยากในใจของพสกนิกรไทยมาตลอดนับแต่ทรงครองราชย์มาอย่างยาวนานถึง ๗๐ ปี”
แนะนำหนังสือ มือแห่งนักปั้นฝัน อ.สันติ พิเชฐชัยกุล
Xiaomi Kingsmith Walking Pad R1 Pro/ R2
ลู่เดิน/วิ่งไฟฟ้า พับเก็บได้ สำหรับการออกกำลังกายภายในบ้าน >> คลิ๊กดูเพิ่มอีก
คลิ๊กที่ภาพ
อ้างอิง:
https://www.suntiworldartthai.com/about-us.html
เพจ:วัด:วัง