ขายของออนไลน์ เตรียมความพร้อม และ ช่องทางการขาย

บทความนี้ แอดมินจะมาแนะนำ การเตรียมความพร้อม ทั่วไป สำหรับ พ่อค้าแม่ขายมือใหม่ ที่กำลังจะคิด ขายของออนไลน์ และการเริ่มต้น ขายของออนไลน์ รวมถึง แนะนำช่องทางการขาย ที่นอกเหนือจาก ขายใน facebook หรือ ig กันนะครับ

      เมื่อเราได้ผ่านขั้นตอนจากบทความที่แล้วๆมา เช่น *อยากเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง * ในขั้นตอนนี้ แอดมินเชื่อว่า หลายๆท่านได้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้กันมาแล้ว และเพื่อจะก้าวสู่ขั้นตอนต่อไป ที่สำคัญนั่นก็คือ การเตรียมความพร้อม และวางแผนช่องทางการจำหน่าย สำหรับ การขายของออนไลน์ กันได้เลยครับ

หัวข้อหลักๆ สำคัญในบทความนี้จะประกอบด้วย

• การถ่ายภาพสินค้า
• เตรียมข้อมูลสินค้า
• เตรียมแพคเก็จจิ้ง
• ช่องทางการจำหน่าย

ขั้นตอนแรก ในการขายของออนไลน์ ที่จะขาดไปไม่ได้เลย คือการ ถ่ายรูปสินค้า

การนำเสนอสินค้า ทางช่องทางออนไลน์นั้น สิ่งสำคัญประการแรก คือ รูปภาพสินค้า ครับ ประการที่สองคือ รายละเอียดข้อมูลสินค้า ที่ “ครบถ้วน” และ “ชัดเจน”และรูปภาพที่ดี สามารถอธิบายข้อมูลสินค้าได้กว่าครึ่ง !!

รูปสวย มีชัยไปกว่าครึ่ง !!!
? จริงดิ

      คำกล่าวนี้ อาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด หรือ ถูกต้องเสมอไป การขายของออนไลน์ แค่รูปสวยๆ แต่สื่อสารไม่รู้เรื่อง ข้อมูลสินค้าไม่ครบถ้วน สื่อสารไม่ชัดเจน อธิบายไม่น่าสนใจ ก็อาจจะไม่ทำให้เกิดการซื้อ หรืออาจจะสร้างปัญหาขึ้นหลังจากที่ขายได้ เช่นกัน ดังนั้น รูปสวยไม่พอ ต้องอธิบายให้ชัด ตรงประเด็น และน่าสนใจครับ และรูปภาพที่ดี มันสามารถอธิบายสินค้าได้เกือบจะครบถ้วนแล้วครับ

ดังนั้น ในลำดับแรก ผมขอโฟกัสไปที่ ภาพถ่ายที่ดี  

     สมัยก่อน การถ่ายภาพสินค้าเพื่อนำเสนอขายของออนไลน์ จะมีค่านิยม หรือสูตรสำเร็จ และกฎที่เคร่งครัด นั่นก็คือ พื้นหลังสีขาว (ขาวสนิท ขาวจั๊ว โคตรขาว ) แต่ยุคสมัยนี้ หลายๆ platform อีมาร์เก็ตเพลส เริ่มปรับลดเงื่อนไขและกฎเกณฑ์นี้ ลงไปมากทีเดียวครับ เนื่องเพราะ ภาพสินค้าพื้นขาว ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้เหมือนเก่าแล้ว โดยเฉพาะบน platform การขายบนโซเชียลมีเดีย อย่างเช่น facebook , ig ได้อีกต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ การถ่ายภาพพื้นสีขาว ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ ในบาง platform e-marketplace และ หากคุณมีเว็บไซด์ official website ของตนเอง ก็ยิ่งควรจะมีไว้ครับ และอาจจะต้องมีภาพสินค้าประเภท Snapshot ด้วยกล้องมือถือ นี่แหละครับ ถ่ายแบบง่ายๆ ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรมากมายนัก การถ่ายภาพแนวนี้ ถ้าเป็นแนวสินค้า อาจจะต้องคำนึงเรื่องความคมชัดของภาพ แสงต้องได้ เงาต้องมี สีต้องตรง และต้องเรียกความสนใจได้ นั่นคือการจัดองค์ประกอบภาพที่ดี ครับ

การถ่ายภาพ ถือเป็นงานศิลปะครับ ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่ใช่เรื่องสวย หรือไม่สวย ดีหรือไม่ดี แต่เป้าหมายการถ่ายทอดภาพถ่ายสินค้า หากยิ่งน่าสนใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อมากเท่านั้น นั่นเอง ….

เรามาเตรียมความพร้อม ของการที่จะได้รูปภาพสินค้าสวยๆกันครับ

อุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับการถ่ายรูปสินค้า

1 กล้องถ่ายรูป

2 อุปกรณ์ฉาก / ไฟ

3 อุปกรณ์ตกแต่งฉาก

1 กล้องถ่ายรูป

    เป็นอุปกรณ์ลำดับแรก ที่สำคัญครับ ไม่มีกล้อง ก็ไม่มีภาพ สำหรับพ่อค้าแม่ขาย ออนไลน์ มือใหม่ อาจจะไม่ใช่นักถ่ายภาพ แน่ล่ะ ก็มีความเป็นไปได้ว่า ไม่มีกล้องถ่ายรูป ครับ หรืออาจจะมี แต่ก็อาจกังวลว่า ไม่ใช่กล้องโปรฯ อะไรมากมายนัก  ผมกำลังจะบอกว่า ไม่เป็นไร ครับ แค่คุณมี กล้องดิจิตอลธรรมดาๆ ก็ใช้งานได้แล้ว หรือถ้าไม่มีจริง กล้องจากโทรศัพท์มือถือของเรานี่แหละครับ ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ถ้าแสงดี จัดองค์ประกอบดีๆ ก็สามารถถ่ายออกมาได้สวย และน่าสนใจ ได้แล้วล่ะครับ

2  อุปกรณ์ฉาก / ไฟ

อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้วว่า ภาพสินค้าลักษณะพื้นขาว อาจจะไม่จำเป็นแล้ว สำหรับการโพสขายตาม Social media ต่างๆ แต่ภาพสินค้าพื้นหลังสีขาว หรือสีพื้น ก็ยังจำเป็นบ้าง สำหรับบาง platform e-marketplace ซึ่งผมจะแนะนำว่า ให้ถ่ายไว้ครับ ซึ่ง อุปกรณ์ฉากถ่ายภาพ และชุดไฟ ราคาก็ไม่แพงอะไรมากมาย เอาเป็นว่า ตั้งงบไว้สัก 500-1000 บาท ก็ใช้ได้แล้วครับ สำหรับการเลือกอุปกรณ์ฉากและไฟ ก็เลือกขนาดให้พอเหมาะพอดีกับสินค้าที่เราจะถ่ายครับ

แอดมินจะแนะนำอุปกรณ์ฉากและไฟ และแหล่งซื้อ ให้ได้เลือกกันตามความเหมาะสมครับ

โครงเหล็ก และฉาก pvc ถ่ายรูปสินค้า

โครงเหล็ก และฉาก pvc ถ่ายรูปสินค้า เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดกลางและใหญ่ ราคาค่า่ตัว ก็ตามขนาด ซึ่งจะมีราคาอยู่ราวๆ ระหว่าง 150-300 บาท / 1 ชุดเซท   ไม่แพงเลยครับ หาซื้อได้ทาง online ทั่วไป มีหลากหลายราคาให้เลือก ลอง >>คลิ๊กได้จากที่นี่ครับ 

     สำหรับฉาก pvc จะต้องคำนึงถึงวัสดุด้วยนะครับ ซึ่งจะต้องเป็น pvc ชนิดที่ไม่สะท้อนแสง และทำความสะอาดง่าย กันน้ำได้ และก็จะมีสีให้เลือกหลากหลายมาก นอกจากนี้ ยังมีฉากที่ภาพกราฟฟิค ภาพต่างๆ ให้เลือกใช้มากมายครับ เช่น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง พื้นผนังอิฐ เป็นต้น

ขอบคุณภาพถ่ายจาก Shopee  เลือกดูแบบอื่นๆได้ที่นี่ >> คลิ๊ก

( การเลือกร้านที่จะซื้อฉาก pcv แนะนำให้เลือกร้านที่มีกระบอก เพราะเวลาการแพ็คส่ง จะไม่ยับ ครับ )

Light Box Studio

อุปกรณ์ฉาก ในแบบอื่นๆ เช่น เต้นท์ถ่ายภาพ หรือ เรียกว่า Light Box Studio สำหรับอุปกรณ์ประเภทนี้ จะเหมาะกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก และ/หรือ มีพื้นผิวมันเงา เต้นท์ถ่ายภาพ ( light box studio ) โดยส่วนใหญ่ จะขายมาพร้อมกับอุปกรณ์ไฟ LED ที่ติดตั้งมาให้พร้อมแล้ว ราคาก็ไม่สูงเลยครับ มีตั้งแต่ระดับหลักไม่กี่ร้อยบาท ยันหลักพันบาท ตามขนาดและฟรั่งชั่น ก็เลือกตามกำลังทุนทรัพย์และความเหมาะสมกับสินค้าของเรา ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ

ไฟสตูดิโอ 50×70 Softbox

    ไฟสตูดิโอ ขนาดใหญ่ เหมาะกับฉากโครงเหล็ก ครับ หากสินค้าของคุณมีขนาดใหญ่ หรือ จะต้องมีนางแบบนายแบบ ด้วย ไฟสตูดิโอ ขนาดใหญ่ ถือว่ามีความจำเป็นครับ

   ก่อนจะจบในหัวข้อการเตรียมอุปกรณ์ฉากและไฟ แอดมินเสริมอุปกรณ์อีกตัว สำหรับ พ่อค้าแม่ขาย ออนไลน์ ที่ถนัดการไลฟ์สดขายของ อุปกรณ์นี้ถือว่าจำเป็น และคุ้มค่าครับ

เตรียมรายละเอียดข้อมูลสินค้า สำหรับการ ขายของออนไลน์

     การขายของออนไลน์ แตกต่างจากการขายออฟไลน์ ที่มีหน้าร้าน เพราะ การขายออนไลน์ ลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อได้ ดังนั้น ข้อมูลสินค้าจึงมีความสำคัญอย่างมาก ครับ

นอกเหนือจาก รูปภาพสินค้าที่ครบถ้วน และดึงดูดความสนใจแล้ว ข้อมูลรายละเอียดสินค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า รายละเอียดสำคัญอื่นๆ ที่ภาพไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้  จึงมีความสำคัญมากครับ ที่พ่อค้าแม่ขาย ออนไลน์ จะต้องตระเตรียมความพร้อมในส่วนนี้   รายละเอียดข้อมูลสินค้า ถูกแบ่งออกมาเป็น ข้อหลักๆ ดังนี้ครับ

• • ชื่อสินค้า / รหัสสินค้า
  • รูปภาพ / ประกอบ
  • รายละเอียดสินค้า / Description
  • ข้อมูลราคา/ส่วนลด
  • ข้อมูลอื่น  วิธีการสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดส่ง

• ชื่อสินค้า / รหัสสินค้า  :   การตั้งชื่อสินค้า ให้มีความหมาย หรือเป็นคำศัพท์ จะช่วยให้สินค้ามีความน่าสนใจมากกว่าการตั้งชื่อสินค้าเป็นแบบรหัสตัวเลข   แต่ถึงอย่างไร ผมแนะนำให้ตั้งชื่อสินค้า เอาไว้ทั้งสองแบบ คือ แบบเป็นชื่อที่มีความหมาย เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจ และทำให้สินค้าชิ้นนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้น  พร้อมทั้งตั้งชื่อสินค้า ที่เป็นรูปแบบของตัวเลข แบบรหัสสินค้า เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในการบริหารจัดการเรื่องสต๊อกสินค้า ครับ
  
• รูปภาพ / ภาพประกอบ :   การขายของออนไลน์ ภาพสินค้า  ควรมีอย่างน้อย 4-5 ภาพ / 1 รายการสินค้า ภาพสินค้าที่ดีจะช่วยสื่อสารแทนข้อความได้มากมาย หรืออาจจะมากกว่าด้วยครับ ควรถ่ายภาพสินค้าให้ครบถ้วนทุกมุมมอง  ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง นอกจากนี้ ภาพประกอบก็สำคัญเช่นกัน เช่นภาพขณะการใช้งาน จะช่วยให้ลูกค้าจินตนาการออก และช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
• รายละเอียดสินค้า (Description)  :   หัวใจสำคัญที่มักจะถูกละเลย รายละเอียดสินค้าที่ว่านี้ ไม่ใช่คำโฆษณานะครับ อย่าเพิ่งสับสน รายละเอียดสินค้า คือการบรรยายข้อมูล เฉพาะตัวสินค้าแบบละเอียด เจาะจง และถูกต้อง  เช่น  สินค้าทำมาจากวัสดุอะไร มีขนาดเท่าไหร่  น้ำหนักเท่าไหร่ มีลักษณะพิเศษอะไร  รายละเอียดสินค้าที่ดี จะต้องไม่เวิ่นเว่อ รกรุงรัง
• ข้อมูลราคา/ส่วนลด :   หากคุณขายสินค้าแล้วไม่แสดง ราคาขาย อยากให้คุณมองในมุมของคนซื้อนะครับ  อยากจะถามว่า คุณหงิดหงุดมั้ย ?   นั่นแหละครับ คำตอบ … มันน่าหงุดหงิดมากๆเลยครับ ต้องมาคอย ส่งคำถาม ส่งคำตอบ ในกล่องข้อความ การขายของออนไลน์ ต้องตรงไปตรงมาครับ ไม่แทงกั๊ก  ขายอะไร ขายเท่าไหร่ ลดอย่างไร ก็ว่าไปให้ครบถ้วนกระบวนความ ให้ชัดเจน
• ข้อมูลอื่น :  เช่น  วิธีการสั่งซื้อทำอย่างไร  การชำระเงินด้วยวิธีการใด  การจัดส่งอย่างไร กี่วันได้รับของ เป็นสินค้าสั่งจองต้องรอกี่วัน  เป็นต้น

    เตรียมแพคเกจจิ้ง หรือบรรจุภัณฑ์  (packaging)

บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าครับ  บรรจุภัณฑ์หรือแพคเกจจิ้ง ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุน (เงิน) สูง  แต่ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เติมเข้ามาไปให้มากกว่า เมื่อสินค้าถูกจัดส่งถึงมือผู้ซื้อ สิ่งที่แรกที่ลูกค้าเห็น ไม่ใช่ตัวสินค้านะครับ แต่มันคือ บรรจุภัณฑ์ หรือ แพคเกจจิ้ง นั่นเอง  ความประทับใจเมื่อแรกพบนั้นสำคัญมาก  สำหรับการ ขายของออนไลน์ บรรจุภัณฑ์ จะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ 2 ขั้นตอนคือ  บรรจุภัณฑ์หีบห่อ และบรรจุภัณฑ์ของสินค้า   ในส่วนของ บรรจุภัณฑ์หีบห่อ จะต้องมีความแข็งแรง สามารถปกป้องบรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่อยู่ภายใน ได้  เนื่องจากจะต้องผ่านขั้นตอนในการขนส่ง อาจเกิดความเสียหายต่อสินค้าได้

ดังนั้น การเตรียมแพคเกจจิ้ง ของการขายของออนไลน์ จะมี 2 ส่วนสำคัญ คือ บรรจุภัณฑ์หีบห่อ และบรรจุภัณฑ์ของสินค้า  ในบทความนี้ ผมจะโฟกัสไปที่ บรรจุภัณฑ์หีบห่อนะครับ ต้องคำนึงถึงความแข็งแรง  แต่บางที ถ้าเราค้นหา บรรจุภัณฑ์หีบห่อ ที่มีทั้งความแข็งแรง และสวยงาม ไปพร้อมๆกันได้ อาจจะสามารถลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า อีกชั้นหนึ่งลงไปได้ด้วย

         แอดมินได้ค้นหากล่อง บรรจุภัณฑ์หีบห่อ ที่มีทั้งความสวยงาม และแข็งแรง เอามาเป็นตัวอย่างให้ได้เลือกดูกันนะครับ

ขอบคุณภาพถ่าย โดย

ร้าน  NPP Box : ผู้ผลิตกล่องลูกฟูก กล่องไปรษณีย์

• ร้าน  ibox2you – กล่องพัสดุเฮงเฮง

นอกเหนือจากกล่องบรรจุภัณฑ์ แล้ว  วัสดุเสริมอื่นๆที่สำคัญ ก็ควรจะมีนะครับ เช่น วัสดุกระดาษห่อ เทปกาว สติ๊กเกอร์  และวัสดุกันกระแทก และอื่นๆ ตามแต่สินค้าของเราจะต้องใช้อะไรบ้าง  แอดมิน รวบรวม วัสดุที่จำเป็นมาให้เลือกชมดังนี้

• ภาพถ่ายโดย  ร้าน 

กระดาษฝอย สำหรับกันกระแทก

• ภาพถ่ายโดย ร้าน  welcomebaby.th

  มาถึงหัวข้อสุดท้ายของบทความนี้  นั่นก็คือ…

ช่องทางการจำหน่าย

แอดมิน เคยเขียนไว้บทความหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ ช่องทางการจำหน่าย ทางออนไลน์  ไว้แล้วครับ  ชื่อว่า ” e-marketplace ช่องทางการจำหน่าย เรื่องที่สำคัญ “    << หากยังไม่ได้อ่าน แนะนำเลยครับ

โดยส่วนใหญ่ พ่อค้าแม่ขาย มือใหม่ เริ่มต้นหาช่องทางจำหน่าย ในการ ขายของออนไลน์ ด้วยช่องทาง facebook หรือ ig กันเพียงเท่านี้  แล้วสุดท้ายหลายรายก็ไปต่อไม่ได้ ( ไปไม่รอด) ซึ่งก็น่าเสียดายนะครับ หากคุณพลาดโอกาสในการที่จะพาตัวเองไปสู่ e-marketplace อื่นๆ  แอดมินไม่ได้บอกว่า ช่องทาง facebook หรือ ig ไม่ดีนะครับ  คือ มันก็ดีแหละ และก็ต้องมี และเปิดเอาไว้ แต่การเปิดขายเพียงช่องทางเดียว นั้น มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย  ยิ่งการเปิดร้านใน facebook ในยุคสมัยนี้ด้วแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะค่าโฆษณาหนักมาก ย้ำนะครับว่า “หนักมาก”  มือใหม่ สายป่านไม่ยาว ร่วงครับ !!!  ส่วน ig ก็ยี่ห้อเดียวกันนั่นแหละครับ  ดังนั้น การฝากลมหายใจไว้เพียงกับ facebook ig อย่างเดียวนั้น เป็นสิ่งที่ควรเลิกคิดได้แล้ว  แต่ก็เปิดๆไว้น่ะครับ โพสบ้างอะไรบ้าง หรืออย่างน้อยๆ ก็ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้  ไม่เสียหายอะไร

สรุปไว้ตรงนี้ ว่า นอกเหนือจากการเปิดร้านใน Social media แล้ว  เราควรจะต้องเปิดร้านใน e-marketplace ด้วย  ซึ่งก็มีให้เราเลือกหลากหลายมากมาย  เช่น   Shopee  , lazada  เอาไว้เปิดขายภายในประเทศ   Etsy  สำหรับขายให้ชาวต่างชาติ โซนอเมริกา ยุโรป  แล, pinkoi  เอาไว้ขายสำหรับชาวต่างชาติ ในโซนเอเซีย เช่น ญี่ปุ่น , จีน , ไต้หวัน , ฮ่องกง  เป็นต้น   หรือ ที่อื่นๆ ตามแต่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เราได้เลือกไว้ครับ

หรือหากต้องการเปิดเว็บไซด์ เป็นของเราเองด้วย ก็ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญทีเดียวครับ แต่ก็อาจจะขึ้นอยู่กับความพร้อมหลายๆด้านด้วย ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการมีเว็บสักเว็บหนึ่งของตนเอง แม้จะไม่ต้องใช้เงินมากมายนัก แต่อาจจะต้องดูความพร้อมในด้านอื่นๆด้วย เอาเป็นว่า ถ้าพร้อมก็ทำเถอะครับ  แอดมินเขียนบทความเอาไว้ ลองคลิ๊กอ่านเพิ่มเติมได้ครับ

แนะนำ วิธีการสร้างเว็บไซด์ของตัวเอง แบบฉบับรวบรัด ตอนที่ 1 รู้จักเว็บไซด์

• Facebook
• Twitter
• Line