หลังจากที่ปูพื้น จาก เที่ยวเมืองพัทลุงในตอนที่ 1 แล้ว ในตอนที่ 2 จะเน้นในเรื่องเมนูอาหารค่ะ ชี้เป้าร้านอาหารจังหวัดพัทลุง ที่ไม่ควรพลาด และแน่นอน เราไม่ลืมที่จะสอดแทรก ศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจ ค่ะ

ตื่นเช้ามาวันใหม่ สัมผัสอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ ๒๕ องศาเซลเซียส ดิฉันยืมจักรยานจากทางรีสอร์ท ปั่นออกไปชมนกนางแอ่น และนกน้ำอีกสารพัดชนิด ชมความเงียบสงบยามเช้า มีเสียงเครื่องเรือยนต์ของชาวประมง แว่วมาไกลๆ หลังจากปั่นจักรยานชมธรรมชาติกันสักพัก จึงกลับเข้ารีสอร์ท เพื่อทานอาหารเช้าค่ะ

     ปากประลากูน รีสอร์ท พัทลุง  แห่งนี้ นอกเหนือจากการตกแต่งห้องพักด้วยผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และวิวบรรยากาศธรรมชาติแล้ว ยังมีความพิเศษ นั่นคือ อาหารเช้า ที่อุดมไปด้วยคุณค่า ประโยชน์แบบท้องถิ่นจริงๆ เมนูอาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกไม่หลากหลายนัก แต่ก็ครบถ้วน และอร่อยด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีนน้ำยา ข้าวยำปักษ์ใต้ ทางรีสอร์ทเน้นการใช้ข้าวพื้นเมืองพัทลุง นั่นคือ ข้าวสังข์หยด ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายหลายชนิด เครื่องเคราต่างๆ ครบถ้วน ข้าวเหนียวไก่ทอดปักษ์ใต้ ทอดแห้ รสชาติกำลังดี เครื่องเทศไม่ฉุนเกินไป หรือข้าวต้มไก่ฉีก ก็กลมกล่อม นอกจากนี้ยังมี โยเกริ์ต นมสด ไส้กรอก เบคอน กาแฟ น้ำผลไม้ ก็มีให้เลือกสำหรับแนวถนัดอาหารสายฝั่งตะวันตกค่ะ

แม้รีสอร์ทจะอยู่ไกลและปลีกวิเวกมาหน่อย แต่รับรองว่าถ้าได้มาพัก ไม่มีอดของอร่อยค่ะ เพราะรีสอร์ทในเครือเดียวกันอีกแห่ง ที่ตั้งอยู่ใกล้กันแบบเดินเท้าได้ ไม่ไกลมาก นั่นก็คือ ร้านอาหารวิวยอ ที่วิวสวยจริงๆ และอาหารอร่อยมาก ต้องบอกว่า จ.พัทลุง มีความเป็นท้องถิ่นอยู่มากค่ะ อาหารการกินจึงเป็นรสชาติแบบพื้นเมือง ที่สำคัญ ราคาไม่แพง !!! และอร่อย

ร้านอาหารวิวยอ

คลิ๊กเพื่อชม แผนที่จาก Google Map บรรยากาศร้าน และรีวิว

ปลาดุกร้า ที่ดิฉันได้ลองชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต ต้องบอกว่าอร่อยแบบแปลกๆ เป็นปลาดุกร้าทอดที่ผ่านการคลุกเคล้าน้ำผึ้ง ทำให้มีกลิ่นหอมหวานน้ำผึ้ง ถ้าได้ทานคู่กับข้าวเหนียว รับรองอยู่ท้องสุดๆ ชาวเมืองพัทลุง หรือชาวนาในท้องถิ่นทางภาคใต้ เมื่อออกไปทำนา เมนูอาหารอย่างปลาดุกร้ากับข้าวเหนียว จึงเป็นที่นิยมมาก ด้วยว่าอิ่มท้องและได้ประโยชน์ด้วยค่ะ เมนูนี้จึงจัดได้ว่าเป็นเมนูพื้นบ้านที่อร่อยอิ่มท้องจริงๆ

     ยำปลาลูกเบร่ ก็เป็นอีกเมนูพื้นบ้านที่อร่อยค่ะ ปลาลูกเบร่ เป็นปลาตัวเล็กๆ จะอยู่ที่ก้นยอ ชาวบ้านมักนำมาปรุงแบบยำ ทานแล้วได้รสชาติความหวานของปลาสดๆ ที่นำมาทอดแล้วคลุกเคล้ากับพริกสด มะนาว น้ำปลา น้ำตาล อร่อยลงตัว เผลอแป๊บเดียว ต้องสั่งเพิ่มกันเลยทีเดียว อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด คือ แกงส้มปลาดุกนาใส่มันขี้หนู เนื้อปลาดุกแน่น สดและมีรสชาติหวานมาก รสน้ำแกงส้มฉบับปักษ์ใต้ยังเข้มข้นและหอมขมิ้นมากๆ ได้ลองแล้วจะหยุดไม่อยู่จริงๆ ค่ะ

        มาทะเลน้อย ยังไงก็ต้องไม่พลาด สะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สะพานนี้มีชื่อว่า สะพานเอกชัย หรือเรียกกันอีกชื่ออย่างเป็นทางการว่า ถนนเฉลิมพระเกีรยติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ หรือ ถนนสายบ้านไสกลิ้ง–บ้านหัวป่า ความยาวของสะพานมีความยาวทั้งหมด ประมาณ ๖ กิโลเมตร สามารถเชื่อมต่อระหว่าง ๒ จังหวัด คือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา

          เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แทนที่สะพานเปรมติณสูลานนท์ จ.สงขลา มาเที่ยวสะพานแห่งนี้แล้ว ต้องแวะจอดเพื่อชมวิว และน้องควายน้ำที่ว่ายน้ำเก่งกว่าเราอีกค่ะ รวมถึงนกน้ำอีกหลายๆ ชนิด มีให้ดูกันอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งใครเป็นสายปั่น ทางจักรยานมีให้ตลอดเส้นทาง ปั่นยามเช้า หรือยามเย็น สวยและชิลล์ตลอดเวลาค่ะ ( นักปั่นจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษนะคะ เพราะถนนเส้นนี้ รถยนต์จะใช้ความเร็วโดยส่วนมาก )

       ไม่ไกลมาจากสะพานเอกชัย ขับมาเส้นทางที่มายังจุดท่องเที่ยวทะเลน้อย ละแวกนี้มีตลาดของฝากที่ห้ามพลาดเชียวค่ะ สายปลาต้องแวะ มีทั้งไข่ปลาตะเพียนทอด ของดีของอร่อยของที่นี่ที่ต้องลองบอกเลย !!! หอม กรอบนอก นุ่มไข่ปลาตรงกลาง

     ใครที่ติดใจปลาดุกร้า จะแวะซื้อกลับไปทอดทานเองที่บ้าน  หรือจะซื้อทางออนไลน์ก็ได้ค่ะ >> คลิ๊กตรงนี้เลย จ้าา <<    ก็จะฟินไปอีกหลายมื้อได้เลย ช้อปปิ้งเสร็จ อย่าลืมแวะไปชมวิวบนหอคอยด้วยนะคะ อยู่ใกล้ๆ กัน ขับรถเลยไปประมาณกิโลเมตรเศษๆ เราสามารถเดินทางเชื่อมบนสะพานไม้ ชมวิวธรรมชาติ และเรียนรู้จากนิทรรศการห้องเรียนธรรมชาติได้ตลอดทาง ไฮไลท์ คือ การมองลงมาจากหอคอย ก็จะเห็นวิวทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา สวยงามสุดๆ ค่ะ ยิ่งยามเย็นยิ่งตะลึง ท่านใดอยากนั่งเรือ ที่ตลาดของฝากใกล้ๆ กัน มีบริการนำเที่ยวนะคะ รับรองเพลินเสียยิ่งกว่าเพลินค่ะ ^^

เมืองลุง หรือ จังหวัดพัทลุง แหล่งท่องเที่ยวที่ครบทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และอาหารการกินเฉพาะถิ่น ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจมากอีกด้วย

 

เมืองพัทลุง คือ ต้นกำเนิดของการแสดงมโนราห์ หรือ โนรา การแสดงการร่ายรำที่อ่อนช้อย และงดงามเป็นอย่างยิ่ง การจะมาเป็นนักแสดง หรือโชว์การร่ายรำด้วยท่ารำอันอ่อนช้อยนั้น ต้องผ่านการฝึกฝนตั้งแต่เด็กๆ และใช้เวลายาวนานในการฝึกฝน หมั่นซ้อม จนชำนาญแล้ว จึงจะได้มีโอกาสเปิดการแสดงให้ชม

          การแสดงมโนราห์ ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมพสกนิกรในจังหวัดพัทลุง ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ โดยมีคณะโนราห์ พุ่ม เทวา จัดการแสดงถวายต่อหน้าพระที่นั่ง ณ พลับพลาศาลากลางจังหวัด

        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีความสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้พระศาสนโสภณ คัดโครงเรื่องจาก สุธนชาดกถวาย และทรงผูกโครงเรื่องใหม่ให้กระทัดรัด เพื่อนำมาประยุกต์กับการแสดงบัลเลต์ ทำให้ทั่วโลกยอมรับในการแสดงพื้นบ้านที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีความงดงามของเครื่องแต่งกายและประดับซึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้ ปีแอร์ บาลแมง นักออกแบบแฟชั่นชั้นนำของโลกชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ทำให้การแสดงมโนราห์แบบประยุกต์ เป็นที่รู้จักกันในระดับสากล เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อศิลปินมโนราห์ทุกคน

      ขุนอุปถัมภ์นรากร หรือ พุ่ม เทวา ได้รับเกียรติอันสูงสุดของชีวิตหลายครั้งค่ะ ท่านได้แสดงการรำมโนราห์ ถวายต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรเมืองพัทลุงถึง ๒ ครั้ง และที่จังหวัดสงขลาอีก ๑ ครั้ง นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสถวายการแสดงต่อหน้าพระที่นั่ง ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ รวมถึงเชื้อพระองค์อีกหลายพระองค์ ท่านถึงแก่กรรมในปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ สิริรวมอายุได้ ๙๓ ปี และตลอดชีวิตของท่าน ท่านได้อุทิศ และบำเพ็ญประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทยท้องถิ่นให้ยังคงอยู่ และยังถ่ายทอดไปยังต่างประเทศ ทำให้ชาวต่างชาติได้รู้จักการแสดงมโนราห์อันเลื่องชื่อ ศิลปะการแสดงภาคใต้ ประเทศไทยของเราค่ะ

      จะว่ากันไปแล้ว การมาเที่ยวเมืองลุง หากจะใช้เวลาดูกันจริงๆ ว่าเมืองลุงมีดีอะไรบ้าง ต้องมีอย่างน้อย ๓ วันเป็นอย่างต่ำนะคะ เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ดิฉันยังไปไม่ครบ ไว้โอกาสหน้า จะไม่พลาดมาแนะนำกันอีกแน่นอน เพราะจังหวัดพัทลุงได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดิฉันจะต้องกลับไปเยือนอีกแน่นอนค่ะ

มาเมืองลุง ก็มีของฝากมากมายจนเลือกซื้อไม่ถูกเช่นกันค่ะ

ไม่ว่าจะข้าวสังข์หยด พันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่อร่อยและวิตามินเพียบ ยังมี งานจักสานจากต้นกระจูดสวยๆ โกอินเตอร์หลายชิ้นให้เลือกซื้อ ขนมอร่อยๆ อย่างยาหนม หรือ กาละแมที่อร่อยไม่แพ้กาละแมภาคเหนือ เห็ดทอดนาโหนด หรือกล้วยอบอร่อยๆ ทานแล้วเพลิน และอาหารทะเลสดๆ เป็นของฝาก เชื่อได้เลยว่าโรคทรัพย์จางจะกำเริบแน่นอนค่ะ

             เห็นกันหรือยังคะว่า เมืองที่ต้องห้าม..พลาด นั้นควรไม่พลาดจริงๆ ค่ะ ลองเปลี่ยนจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวใหม่ ไปเยือนเมืองที่คุณมองข้ามกันบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่า การเป็นนักท่องเที่ยว สู้การเป็นนักเดินทางไม่ได้เลย เพราะนักเดินทาง คือ การเดินทางไปทั่วทุกพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ สัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ ทำความเข้าใจกับผู้คนในทุกมิติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเข้าถึงความเป็นตัวตนของทุกสิ่งรอบตัว อยากเป็นนักท่องเที่ยว หรือ นักเดินทาง คุณเท่านั้นที่รู้คำตอบค่ะ

 

 

 

ขอบคุณ , อ้างอิงข้อมูล และภาพ

Facebook ร้านอาหารวิวยอ  https://www.facebook.com/pg/ViewYorRestaurant

โนราขุนอุปถัมภ์นรากร www.norapumtawa.blogspot.com

เรียบเรียงโดย :  เอกชฎา ศรีสุวรรณ์