สวัสดีค่ะ มาค่ะ !! มารีวิวกันต่อรัวๆ กับ นวนิยายแนวสืบสวน สอบสวน ชุด สตรีกรุงศรีอยุธยา เรื่อง ลายเหมราช เป็นภาคต่อของ ลายกินรี แต่ไม่ท้ายสุด ของชุดซีรี่ย์ นะคะ เพราะภาคสุดท้ายที่ คุณหมอพงศกรเขียน มีชื่อว่า ลายราชสีห์ ที่ความจริงแล้วน่าจะเป็นภาคแรกของซีรีส์ชุดนี้ ซึ่งความสนุก ความบันเทิงไม่แพ้ลายกินรี หรือ ลายเหมราชที่รีวิวในครั้งนี้แน่นอนค่ะ
สำหรับ นวนิยายเล่มนี้ “ลายเหมราช” คือ ภาคต่อเนื่องจากลายกินรี ตัวละครที่ปรากฎ เป็นตัวละครต่อเนื่องที่เราได้คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ แม่พุดซ้อน, ออกหลวงอินทราชภักดี , ออกหลวงแสนอริพ่าย, แม่ลูกจัน แม่เฮง , แม่พิกุล และ เจ้าจอมสารภี ฯลฯ เป็นต้น โดย ในตอนของ ลายเหมราช จะมีเรื่องราว การฆาตกรรม ที่แตกต่างออกไปจาก ลายกินรี กล่าวคือ ผู้ตายเป็นชาวบ้านทั่วไป ซึ่งเป็นร่างทรงของ พระนางเทพทอง ซึ่งเป็นบุคคลที่เคารพศรัทธาของคนในละแวกนั้น และผู้ก่อเหตุเป็นขุนนางในราชสำนัก ที่มีจิตปฏิพัทธ์กับนักแสดงลิเก จากคณะดังที่ได้รับโอกาสเข้าไปแสดงในราชสำนัก
ลายเหมราช เป็นนวนิยายที่อิงเหตุการณ์ ในช่วงปีพุทธศักราช ๒๒๓๓ ซึ่งตรงกับยุคสมัยของ สมเด็จพระเพทราชา ( ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง )
ซึ่งเป็นสมัยที่มีเรื่องราว เหตุบ้านการเมืองภายใน ราชสำนัก ที่เข้มข้น และค่อนข้างวุ่นวาย หลายประการ อีกทั้งยังมี กบฎ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็มีมาก แต่ในเรื่องนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะ กบฎที่สำคัญๆ และเป็นที่รู้จักในหน้าประวัติศาสตร์ไทย นั่นคือ กบฎเจ้าฟ้าอภัยทศ ที่ผู้เขียน ได้เรียบเรียงบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม และเขียนให้เราเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ได้ ไม่ยากเย็นนัก รวมถึง การสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์ ที่น่ารู้ อีกมากมาย เช่นเคย
ส่วนตัวละครเอก อย่าง แม่ลูกจัน สาวชาววัง ที่ติดตามเจ้าจอมสารภี เข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ในวัง จนกระทั่ง เจ้าจอมสารภีกราบบังคมทูลลาออกจากวัง แม่ลูกจันก็ยังติดตามเจ้าจอมสารภีออกมาอยู่นอกวังด้วยเช่นกัน แม่ลูกจันเป็นหญิงสาวที่แกร่งกล้า ผิดแผกไปจากสาวชาววังทั่วไป มีความกล้าหาญ มั่นใจ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ยิ่งเมื่อออกมาอยู่นอกวัง ยิ่งสร้างโอกาสให้แม่ลูกจัน ได้เรียนรู้วิชาการแพทย์จากแม่พุดซ้อน ได้ความรู้ในการรักษา จนสามารถเป็นผู้ช่วยให้แม่พุดซ้อน ในการพิสูจน์ศพได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเหตุ ฆาตกรรมขึ้นกับเครือญาติของตนเอง นั่น คือ แม่นวล ผู้เป็น ร่างทรงของ พระนางเทพทอง แม่ลูกจันต้องใช้ความรู้ ความสามารถ สืบหาข้อเท็จจริง ในการสอบสวนหาฆาตกรตัวจริงที่สังหารแม่นวลอย่างโหดเหี้ยม
วิธีการสอบสวนมีรูปแบบเช่นเดียวกับ ลายกินรี
คือ มี ผ้าลายอย่าง เป็นหลักฐานสำคัญในการสอบสวน ปมคดีสำหรับ ลายเหมราช มีความซับซ้อนไม่มากนัก ถ้าผู้อ่านที่ชื่นชอบการอ่านนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว ในเรื่องลายเหมราช อาจคาดเดาได้ไม่ยากนัก แม้เนื้อหาจะมีการโยงความเข้าใจทั้งถูกและผิด หลงทาง และอาจหลอกผู้อ่านอยู่ไปมา บ้าง ทำให้เรารู้สึกไขว้เขว และคาดเดาตัวฆาตกรแบบไม่ค่อยมั่นใจ แต่โดยรวมของปมคดีนี้ หากวิเคราะห์ให้ดี ก็จะทราบตัวฆาตกรได้ไม่ยาก
รวมถึงความรู้ที่ได้เพิ่มเติมจากยุคสมัยนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ช่วงรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา อาจจะไม่ค่อยมีบันทึกรายละเอียดเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องราวความเป็นไป วิถีชีวิตผู้คนให้เราได้เรียนรู้นัก แต่สำหรับลายเหมราช คุณหมอพงศกร ผู้เขียนได้สรุปเรื่องราวต่างๆ สอดแทรกลงไปในนวนิยายเป็นระยะ ทำให้ผู้อ่านได้ความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเหตุการณ์กบฎ อาทิ การเข้าเจ้าเข้าทรง , การชันสูตรศพ , การตั้งสมมติฐาน การแสดงละครชาตรี , วิถีชีวิตชาวบ้านในยุคสมัยสมเด็จพระเพทราช , ตำราพระโอสถพระนารายณ์ หรือแม้แต่วรรณกรรม สมุทรโฆษคำฉันท์ ก็ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาประกอบการไขคดีความในครั้งนี้ด้วย
ส่วนในแง่มุมในเรื่องของความรัก
ระหว่างออกหลวงแสนอริพ่าย กับแม่ลูกจัน ก็จะดูไม่หวานละมุนมากนักเหตุเพราะ เป็นความรักที่ไม่ต้องลุ้น เนื่องจากทั้ง ๒ คน มีใจให้กันอยู่แล้วตั้งแต่ลายกินรี การแสดงออกในเรื่องความรักของคนทั้งคู่จึงตรงไปตรงมา บทพ่อแสนจะหึง ก็แสดงออกอย่างเปิดเผยถึงความไม่พอใจที่มีต่อพ่อเพชร เพื่อนเล่นสมัยเด็กของแม่ลูกจัน ที่มีโอกาสได้รับทุนไปศึกษาต่อยังประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนเดินทางกลับมาทำงานในสมัยสมเด็จพระเพทราชา ส่วนแม่ลูกจันเองก็มีความชัดเจนในเรื่องความรู้สึกของตัวเอง จะผิดก็ยอมรับผิด และไม่มีอะไรติดใจค้างคากัน
สิ่งที่ได้อย่างชัดเจนจาก นวนิยายเล่มนี้ นอกเหนือจากอรรถรสทางด้านความบันเทิง คือ เรื่องราวในสมัยสมเด็จพระเพทราชา ที่มีการต่อต้านพระองค์ เพราะเห็นว่า พระเพทราชาทรงเป็นแค่สามัญชนทั่วไป แต่หากมองให้ลึกลงไป การขึ้นมาเป็นพระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาในช่วงที่บ้านเมืองยังเกิดวิกฤต ไหนจะต้องทนกับเสียงครหาต่างๆ และอาจจะต้องคอยสืบสาวราวเรื่องกลุ่มคนที่คิดทุรยศ สิ่งที่สำคัญกว่าทุกสิ่ง คือ ความเสียสละของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยกรุงศรียุธยาทุกพระองค์ เพราะหากจะทรงเห็นแค่ความสุขสบายส่วนตัว ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจและดูแลทุกข์สุขของไพร่ฟ้าราษฎรก็ได้ แต่พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาทุกพระองค์ล้วนเสียสละซึ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องแผ่นดินที่บรรพชนได้ก่อสร้างสร้างไว้ ไม่ให้ใครคิดเหยียบย่ำหรือทำลาย
เฉกเช่นเดียวกับที่ผู้เขียน คุณหมอพงศกรได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
“ หลายคนมักเข้าใจผิดในประวัติศาสตร์ไทย และมักคิดว่า “ราชวงศ์บ้านพลูหลวง” เป็นเหตุให้เกิดการล่มสลายของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระมหากษัตริย์ไทยยุคไหน ราชวงศ์ใดก็ตาม ทุกพระองค์ล้วนแบกพระราชกรณียกิจอันหนักอึ้งอยู่บนบ่าทั้ง ๒ ข้าง นั่นคือ การรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัย มีความเป็นเอกราช ไม่ขึ้นกับใคร จนถึงวันนี้ ที่เราสามารถร้องเพลงชาติไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะประเทศชาติของเราเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์แบบก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์”
ลายเหมราช นวนิยายภาคต่อจากลายกินรี จึงเป็นอีกเล่มที่ควรอ่าน นอกจากเป็นบทสรุป คู่ของออกหลวงแสนอริพ่าย กับแม่ลูกจัน เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นบทสรุป ชีวิตหลังแต่งงานของ แม่พุดซ้อนกับออกหลวงอินทราชภักดี อีกด้วยค่ะ
และจากที่เกริ่นไว้แต่ตอนแรกว่า ซีรีส์ชุด “นักสืบสตรีศรีอยุธยา” นอกจากลายกินรี ลายเหมราชแล้ว ภาคสุดท้ายหรือเล่มสุดท้ายที่คุณหมอพงศกรเขียน กลับกลายเป็นภาคแรกของที่มาของตัวละครแม่พุดซ้อน ออกหลวงอินทราชภักดี นั่นคือ นวนิยาย “ลายราชสีห์” ซึ่งเป็นเรื่องราวของรุ่นพ่อและแม่ของออกหลวงอินทราชภักดี และแม่พุดซ้อน ซึ่งสนุก ครบรสไม่แพ้ ๒ เล่มที่รีวิวจบแล้ว
รอติดตามรีวิว ลายราชสีห์ ซึ่งปมซับซ้อนมากกว่า สนุกจนวางไม่ลง และบทเฉลยว่าฆาตกรคือใคร รับประกันว่าเป็นคนที่เราคิดไม่ถึงจริงๆ โปรดติดตามค่ะ
ชุดนักสืบสตรีศรีอยุธยา นิยายชุด นักสืบสตรีศรีอยุธยา ของ พงศกร เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนชุดที่โด่งดังมากที่สุดของพงศกร เป็นเรื่องราวปริศนาฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผ่านการไขคดีโดย สตรีผู้มีทั้งความสวย ความแกร่ง และ ความเฉลียวฉลาดทั้ง 3 คน นิยายชุด นักสืบสตรีศรีอยุธยา ประกอบด้วย 1. ลายกินรี (รอเป็นละครช่อง 3) 2. ลายเหมราช 3. ลายราชสีห์
(ลายกินรี, ลายเหมราช, ลายราชสีห์)