นวนิยาย พรหมลิขิต ( Love Destiny 2 ) ภาคต่อจาก บุพเพสันนิวาส นวนิยายสุดฮอต ที่ปังทั้งยอดขาย และเมื่อถูกเลือกนำไปสร้าง เป็นละคร ก็ยิ่งเพิ่มกระแสความโด่งดัง ชนิดที่เบรคสถิติของละครเชิงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมด แม้แต่นักแสดงนำ นักแสดงประกอบสมทบ ต่างแจ้งเกิด ชนิดที่หยุดไม่อยู่ และแน่นอนว่า หลังจาก ละครบุพเพสันนิวาส จบ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอภาคต่อของ บุพเพสันนิวาส ซึ่งแน่นอนว่า คุณรอมแพง (นามปากกา) ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ภาคต่อ คือเรื่อง “พรหมลิขิต” ก็มาในทันที แฟนละครอย่างฉันไม่พลาดที่จะอยากรู้ชีวิตหลังแต่งงานของ พ่อเดช และแม่เกศสุรางค์ รวมถึงลูกๆ และตัวละครทั้งหมด ลองอ่านรีวิวฉบับย่นย่อกันค่ะ
“พรหมลิขิต” ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Destiny” ซึ่งหมายถึง โชคชะตา ,ชะตากรรม , เคราะห์กรรม นวนิยายภาคต่อจากบุพเพสันนิวาส คุณรอมแพง ( “จันทร์ยวีร์ สมปรีดา” ผู้เขียน ) ตั้งชื่อได้เหมาะเจาะลงตัว ตามเนื้อเรื่องในนวนิยาย กระชับทั้งในความหมาย เนื้อหาและบทสรุป
แม้ว่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ในตอนนี้ จะถูกลดทอนให้น้อยกว่า บุพเพสันนิวาส แต่ก็หยิบยกเอาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในยุคสมัยของสมเด็จพระศรีสรรเพ็ชญที่ ๙ ( หรือสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ) มาบอกเล่าได้อย่างน่าสนใจ และเป็นเหตุการณ์ใน ช่วง ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายแห่งสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่หลายคนมักมองข้าม หรือแทบจะนึกไม่ออกว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างในรัชสมัยนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยุคนี้เป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองสมัยหนึ่ง ทั้งการค้าการขายกับจีนก็ก้าวหน้า และสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ยังเป็นองค์ศาสนูปถัมภก โดยมีการเล่าเรื่องให้รู้ถึงพระราชปณิธานในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา บูรณะวัดสำคัญๆ ที่ปัจจุบันวัดดังกล่าวยังเป็นวัดที่ทุกคนรู้จักและยังมีความสำคัญในช่วงเทศกาลพระพุทธศาสนาอีกด้วย นั่นคือ วัดมเหยงค์ , วัดกุฎีดาว เป็นต้น รวมถึงการสร้างพระที่นั่งองค์สำคัญที่ปัจจุบันแม้จะเหลือเพียงฐานราก แต่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็มียังปรากฎอยู่ และยังทำให้เราด้วยว่า ชื่อพระที่นั่งมาจากอะไร
การวางโครงเรื่อง มีความน่าสนใจ โดยมีการเกริ่นเรื่องราวตั้งแต่สมัย รุ่นพ่อเดช และ เกศสุรางค์ และต่อเนื่องเรื่อยมาถึง เรื่องราวในภาคปัจจุบัน มี “คัมภีร์กฤษณะกาลี” เป็นตัวเดินเรื่องและยังคงเป็นปริศนา ซึ่งในตอนท้ายจะทำให้ผู้อ่านได้บทสรุปทุกเรื่องราวความสงสัยว่า คัมภีร์ดังกล่าว มาได้อย่างไร ? ทำไมถึงได้มีเรื่องของเคราะห์กรรมที่ตัวละครได้พบเจอ และต้องมีความเกี่ยวข้องกัน
“แม่พุดตาน” คือตัวละครหลักของเรื่อง ที่ได้ย้อนกลับไปในอดีต แม้ว่าตัวจะไม่ได้มีความรู้เชิงประวัติศาสตร์เหมือนเกศสุรางค์ แต่นางก็เอาตัวรอดได้ดี และรู้จักที่จะพึ่งพาตนเอง ปรับตัวเข้าหาทุกอย่างเพื่อให้ตนเองอยู่รอด นั่นเป็นเพราะพื้นฐานชีวิตของพุดตานต่างจากเกศสุรางค์ ด้วยความเป็นผู้หญิงที่กำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เด็ก อาศัยอยู่กับคุณป้า แน่นอนว่า แม่พุดตานจะต้องช่วยเหลือตนเอง ทำให้เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจและพึ่งพาตนเองได้ ตัวละคร พุดตาน จึงมีความน่าสนใจในเรื่องของการเรียนรู้เพื่อความอยู่รอดในยุคสมัยที่ยังไม่มีความเจริญเทียบเท่ากับโลกยุคปัจจุบันที่ห่างกันกว่า ๓๐๐ ปี เธอใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา รู้จักทำมาค้าขาย ทำเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงดูตนเอง รู้จักการทำมาค้าขาย ประดิษฐ์ คิดค้นทำให้เกิดผลิตภัณฑ์/ สินค้าใหม่ ที่ดูจะแปลกประหลาดสำหรับคนในยุคกรุงเก่า ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอชื่นชมผู้เขียน ที่หยิบประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ประโยชน์จากพืชสมุนไพรต่างๆ ขึ้นมาประกอบการเขียน ทำให้ตัวละครพุดตานมีมุมที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น
เรื่องราวยังมีการท้าวความเอ่ยไปถึง พระเรืองฤทธิ์ และยังคงความเกี่ยวข้องกันของตัวละคร ระหว่าง พุดตานและเกศสุรางค์ อีกด้วย อันว่า พรหมลิขิต หมายถึง โชคชะตา ชะตากรรม …. ตัวละครโดยเฉพาะ ครอบครัวของพ่อเดช เกศสุรางค์ ครอบครัวพระยาโกษาธิบดี จึงต้องโคจรมาเจอกัน รวมไปถึง เพื่อนรักของเกดสุรางค์ อย่าง ท้าวทองกีบม้า ก็ยังได้รับการกล่าวถึง ทั้งความเป็นอยู่ตั้งแต่ออกญาวิชาเยนทร์ หรือหลังจากฟอลคอนถูกประหารชีวิตไปแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วท้าวทองกีบม้าหรือแม่มะลิในพรหมลิขิตยังคงประสบชะตากรรมใดอีกบ้าง ?
ใน นวนิยาย พรหมลิขิต ยังสอดแทรกเรื่องราวของประเพณีอันดีงาม
งานลอยโคมประทีป ซึ่งในยุคสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ (งานลอยโคมประทีป หรือในปัจจุบันที่เรารู้จักคือ งานลอยกระทง) ผู้เขียนได้สอดแทรก เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์ ถึงประเพณีอันงดงามที่เราได้รับการสืบทอดและรักษาเอาไว้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนยุคสมัยเปลี่ยนผ่านมาเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีใหม่ ในปีพุทธศักราช ๑๘๙๓ ก็ยังทรงให้รักษาประเพณีอันงดงามนี้ไว้ และยังทำให้เราได้เห็นมุมมองที่แตกต่างของวิถีชีวิตชาวกรุงศรีอยุธยา ที่ถือปฏิบัติต่อประเพณีดังกล่าวผ่านการบอกเล่าเรื่องจากพุดตานอีกด้วย
จึงเป็นภาคต่อจากบุพเพสันนิวาส ที่สมบูรณ์ ในแง่ของการดำเนินเรื่องที่สอดแทรกความรู้ถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี การละเล่นต่างๆ พระราชกรณียกิจของบูรพกษัตริย์ ฯลฯ และแน่นอนว่า เมื่อบุพเพสันนิวาส มีช่วงที่เกศสุรางค์ได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองละโว้ … ซึ่งในภาคต่อนี้ ก็มีเช่นกัน การที่พุดตานได้มีโอกาสไปท่องเมืองเก่าแก่โบราณถึง ๒ เมือง อันได้แก่ เมืองพริบพรี ( หรือ จ.เพชรบุรีในปัจจุบัน) และ เมืองสองแคว ( หรือ จ.พิษณุโลก) ทำให้เราในฐานะผู้อ่านได้มีโอกาสท่องเที่ยวตามพุดตานไปเยือนทั้งสองเมือง และได้เรียนรู้ว่ายุคนั้น ทั้งสองเมืองมีลักษณะความเป็นอยู่ หรือสภาพแวดล้อม สภาพภูมิประเทศที่น่าสนใจอย่างไร
นวนิยายเรื่องพรหมลิขิต คือ ภาคต่อที่เป็น บทสรุปเรื่องราวทั้งหมดของบุพเพสันนิวาสตั้งแต่ในอดีต (ภาคแรก )จนถึงปัจจุบัน (ภาคจบ) บทสรุปนี้อาจจะอ่านแล้วรู้สึกงง งง แต่ถ้าคุณอ่านเล่มนี้จบเมื่อไหร่ คำตอบจะผุดขึ้นในความคิดทันที ว่าเป็นการจบ / อวสาน ซีรีส์บุพเพสันนิวาสอย่างสมบูรณ์แบบ คือ จบครบถ้วนในทุกเรื่องราวของตัวละครรวมไปถึงคัมภีร์กฤษณะกาลี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อ่านเฝ้าสงสัยมายาวนานว่ามีที่มาอย่างไร คอนวนิยายที่ชอบอ่านนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ หรือเพิ่งเริ่มอ่าน เคล็ดลับอย่างหนึ่งในการอ่านนวนิยายแนวนี้เพื่อให้เราเข้าถึงนวนิยาย คือ เราจะต้องสร้างภาพจินตนาการตาม แล้วจะเห็นถึงภาพ ความงามตามเนื้อหาที่ผู้เขียนได้บรรยายไว้ และควรเพิ่มเติมด้วยการหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ มาอ่านเพิ่มเติม เพียงเท่านี้จะทำให้การอ่านนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ นอกจากจะสนุก ได้อรรถรส ทางด้านความบันเทิงแล้ว ยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอีกด้วยค่ะ ^^
สำหรับ ละคร เรื่อง พรหมลิขิต หรือ บุพเพสันนิวาส 2 โดยผู้จัด คุณหน่อง อรุโณชา จากค่าย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น มีแพลนเปิดกล้องในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้แล้ว แฟนละคร อดใจรอนิดนึงนะจ๊ะ
หากใครสนใจอ่านนำร่องปูพื้นเอาไว้ก่อนดูละคร สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ ก็ได้ง่ายๆนิดเดียวค่ะ >>
เมื่อพรหมลิขิตนำพาให้คนหนึ่งที่แล้งไร้ไปเสียทุกอย่าง ได้มาพบกับคนหนึ่งที่สมบูรณ์พร้อม ฟ้าดินพลิกผันกงกรรมจึงหมุนเวียน แม้แต่ตัวพุดตานเองก็ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดเธอจึงรู้สึกคุ้นดยกับยุคสมัยนี้…ราวกับว่าทุกสิ่งเรียกร้องให้เธอกลับมาชดใช้และทวงคืน! | จากปลายปากกาของ “รอมแพง” นิยายเล่มใหม่ “พรหมลิขิต” ที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง นอกจากการดำเนินเรื่องยังคงอยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนแผ่นดินแล้ว ยังทวีความสนุกสนานขึ้นไปอีก เมื่อมีสาวน้อยสู้ชีวิตอย่างพุดตาน ทะลุมิติ เพิ่มมาอีกคน !! ว่าแต่ … เธอโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร ? และจะสามารถเอาตัวรอดในโลกอดีตได้หรือไม่ ? ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม !
- ISBN : 9786163124159 (ปกอ่อน) 536 หน้า
- ขนาดรูปเล่ม : 130 x 185 x 26 มม. น้ำหนัก : 440 กรัม
- เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
ปกใหม่