นพบุรีศรีนครพิงค์ เวียงเชียงใหม่ ที่ใครๆ ต่างหลงมนต์เสน่ห์ เมื่อมาเยือนแล้วเหมือนต้องมนต์ทุกครั้งไป กลับจากทริปท่องเที่ยวเชียงใหม่คราวใด เป็นต้องคิดถึงและอยากกลับไปเยือนอีกเสมอ เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรมที่น่าหลงใหล และดิฉันก็เชื่อว่าทุกคนที่เคยไปเยือน ย่อมคิดไม่ต่างจากดิฉันนัก
จำได้ว่า ครั้งแรกที่ไปเยือนเชียงใหม่ แม้กาลเวลาผ่านไปไม่นานมากนัก แต่เราก็มักจะจำครั้งแรกได้เสมอ ครั้งหนึ่งในสมัยเรียนหนังสือ เคยคิดที่จะเลือกสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ แต่ด้วยความที่ไกลบ้านและพ่อแม่ก็เป็นห่วง กลับกลายเป็นว่าต้องจำใจตัดตัวเลือกที่นี่ทิ้งไปอย่างแสนเสียดาย ความปรารถนาที่จะไปเที่ยวเชียงใหม่ จึงกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในใจมาโดยตลอด จนกระทั่งเรียนจบ และได้ทำงานหาเงินเองได้ เมืองเชียงใหม่ จึงกลายเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของการเดินทางท่องที่ยว ในช่วงลาพักร้อน ครั้งแรกไปโดยปริยาย (แบบไม่ต้องคิดเยอะ)
เรื่องราวที่จะบอกเล่า แนะนำ คุณผู้อ่านในวันนี้ ไม่ใช่การท่องเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกของดิฉันค่ะ เพราะถ้าให้เล่า คงต้องกลับไปหาภาพประกอบที่ถ่ายเอาไว้ มาประกอบ (แต่ไม่รู้อยู่ไหน) ก่อน และเรื่องราวก็คงจะย๊าว ยาว จนผู้อ่านอาจจะเบื่ออ่านไปเสียก่อน แต่ที่จะแนะนำครั้งนี้ จะขอแนะนำหนังสือดีๆ ค่ะ หนังสือที่จะทำให้การท่องเที่ยวเชียงใหม่ เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์ นครอันเป็นที่อยู่ของชาวลัวะ ๙ ตระกูล ตามตำนานสุวรรณคำแดง หรือ เมืองลุ่มน้ำแห่งชาวรามัญ เป็นเรื่องที่สนุกมากยิ่งขึ้น ทำให้เราเข้าใจในอีกมิติที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแบบเดิม เราจะได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ผู้คน ความเป็นอยู่ วิถีท้องถิ่น และความเป็นประวัติศาสตร์ของอาณาจักรล้านนาที่มีมาอย่างยาวนานกว่า ๗๐๐ ปี
หนังสือ ชุด Spirit of Chiangmai ประกอบด้วย
ชีวิตแสนสุขในเชียงใหม่
สายลมรักที่เชียงใหม่ (เชียงใหม่นครแห่งความรัก)
ถนนสายสิเน่หา : เชียงใหม่-ลำพูน
ซึ่งเขียนโดย คุณรุ่งวิทย์ สุวรรณอภิชน นักเขียนที่ไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ แต่กลับถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้อย่างสนุกสนาน อ่านง่าย และน่าติดตาม ท่านบอกเล่าถึงประสบการณ์โดยตรงในการใช้ชีวิตเป็นชาวเวียงเชียงใหม่มาเกือบ ๒๐ ปี ตั้งแต่สมัยสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ จนเรียนจบ ใช้ชีวิตทำงาน มีครอบครัวน่ารักและอบอุ่น อยู่อาศัยในเมืองเชียงใหม่ จนหลงรักเมืองเชียงใหม่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
สั่งซื้อหนังสือ ทางออนไลน์ ได้ที่
www.se-ed.com
www.naiin.com
คุณรุ่งวิทย์ สนใจในเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่แค่ ไกด์บุ๊ค หรือหนังสือท่องเที่ยวทั่วๆไป ที่อ่านจบก็แล้วกันไป ไม่ใช่หนังสือเล่มที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ฮิปๆ ตามเทรนด์วัยรุ่นในปัจจุบัน ที่อ่านจบแล้วก็ปล่อยให้แห้งเหี่ยวอยู่บนหิ้งหนังสือ แต่หนังสือของคุณรุ่งวิทย์ เป็นไกด์บุ๊คที่แทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้อย่างลงลึก
เสมือนว่า เราได้พูดคุย สอบถามผ่านตัวอักษรในหนังสือกับคนท้องถิ่นตัวจริงเสียงจริง
เรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้ และอยากรู้เพิ่มเติม ในเล่มนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวของเมืองเชียงใหม่ ได้เพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์ และข้อเท็จจริงอย่างสนุกสนาน โดยทำให้ลืมไปได้ว่าเรากำลังอ่านเรื่องราว ตำนาน ประวัติศาสตร์อยู่ ที่สำคัญกว่านั้น คือเมื่ออ่านจบ ทุกครั้งที่เราคิดถึงเชียงใหม่ เรายังสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้เรื่อยๆ ไม่มีวันเบื่อ เพราะข้อมูลในเล่มเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น
คุณรุ่งวิทย์ สุวรรณอภิชน เป็นนักธรณีวิทยา ที่มากความสามารถ ท่านเคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิในประเทศไทยนานมาแล้ว และเคยเขียนหนังสือ “สึนามิและแผ่นดินไหวในประเทศไทย” หากคุณผู้อ่านสนใจ ก็สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในกูเกิ้ลได้ค่ะ ไม่เพียงแต่มีความรู้ความสนใจในเรื่องราวทางธรณีวิทยา แต่ท่านยังสนใจ ใฝ่รู้ และศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่องราวประวัติศาสตร์อีกด้วย จึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้
ดิฉันมีโอกาส สอบถามคุณรุ่งวิทย์ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ซึ่งจัดที่ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ กรุงเทพมหานคร ถึงความน่าสนใจในการถ่ายทอดเรื่องราวของเมืองเชียงใหม่ในเล่มนี้ เพราะดิฉันเอง ก็ชื่นชอบงานเขียนประเภทนี้ แต่หางานเขียนที่จะมาถ่ายทอดแบบคนรู้จริงนั้นยากลำบากมาก เพราะเรื่องราวบางอย่าง ต้องใช้เวลาศึกษาหาข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง ก่อนที่จะนำมาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้ถูกต้องต่อสาธารณชนต่อไป คุณรุ่งวิทย์ได้บอกว่า ตั้งใจเขียนเชิงประวัติศาสตร์ แต่ก็เกรงว่าผู้อ่านก็จะเบื่อ จึงได้สอดแทรกเรื่องราวส่วนตัวของท่านเอง ในแนวการเขียนเชิงบอกเล่าถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตในเชียงใหม่ และสิ่งที่ได้ประสบพบเจอมา การได้พบกับบุคคลสำคัญระดับประเทศ ทั้งที่ในปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ และที่จากไปแล้ว และเรื่องราวอื่นๆ มากมายที่น่าสนใจ ซึ่งคนนอกพื้นที่อาจจะไม่เคยทราบมาก่อน
คุณรุ่งวิทย์ เริ่มต้นการเล่าเรื่องย้อนกลับไปตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ หรือเกือบ ๕๐ ปีก่อน สมัยที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ ตั้งแต่การเริ่มต้นเดินทางโดยรถไฟ จากสถานีกรุงเทพฯ หัวลำโพง มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับเพื่อนๆ โดยเป็นขบวนรุ่นพี่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือสั้นๆ คือ รุ่นพี่ มช. จัดมารับน้องใหม่ ลูกช้างโขลงล่าสุด เป็นพิเศษ เป็นขบวนสุดแสนประทับใจที่คุณรุ่งวิทย์ได้บรรยายให้ได้เห็นถึงบรรยากาศ ความสนุกสนาน ครื้นเครงระหว่างการโดยสารขบวนรถไฟรับน้องจากรุ่นพี่ มช.จากสถานีต้นทางกรุงเทพฯ ถึงสถานีปลายทางเชียงใหม่ ได้อย่างสนุกสนาน แถมยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างการเดินทางในช่วงการลอดอุโมงค์ขุนตาน เช่น เคล็ดที่ว่า
“ใครลอดมา คราจะพรากกลับยากนัก”
ทำให้ดิฉันค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเป็นเคล็ดที่แม่น แต่น่าจะเรียกว่าเป็นคำพยากรณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำมากกว่า เพราะในที่สุด คุณรุ่งวิทย์ ผู้เขียนถึงกับต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่กันเลยทีเดียวค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กผสมน้อยรวมถึงข้อมูลการสร้าง อุโมงค์ขุนตาน ราวกับว่าเราซึ่งเป็นผู้อ่านได้ร่วมขบวนรับน้องไปด้วย จะว่าไปแล้วการรับน้องรถไฟจากรุ่นพี่ มช. ในปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ เป็นสิ่งที่ดิฉันรู้สึกชื่นชมในการรักษาวัฒนธรรมรุ่นน้อง รุ่นพี่ ประเพณีรับน้องที่น่าประทับใจจริงๆ ไม่เพียงแต่การรับน้องรถไฟ ยังมีเรื่องราวการรับน้องขึ้นดอยเมื่อเกือบ ๕๐ปีก่อน ให้เราได้เห็น และมองภาพเปรียบเทียบกับปัจจุบันได้อีกด้วยนะคะ ผู้อ่านท่านใดเคยเป็นศิษย์เก่า หรือ กำลังจะเป็นลูกช้างโขลงใหม่ หรืออาจจะเป็นศิษย์ มช.ในปัจจุบัน ถ้าคุณได้อ่านเรื่องราวของคุณรุ่งวิทย์ ศิษย์เก่า มช.รุ่นปี ๒๕๑๓ คุณอาจจะได้ทราบความจริงเพิ่มขึ้น และมีความภาคภูมิใจในการเป็นศิษย์เก่า มช.เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
อย่างที่ดิฉันเกริ่นไปแต่แรกว่า ในเล่มยังมีเนื้อหาสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ที่แม้แต่คนเวียงเชียงใหม่เองก็อาจจะไม่ทราบ เช่น เรื่องราวของประตูเมือง และกำแพงเมืองเชียงใหม่ โดยรอบที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี แม้ในปัจจุบันที่เห็นจะเหลือเพียง ๔ แจ่ง ๕ ประตู แต่ทราบหรือไม่ว่า ในอดีตกำแพงเมืองมีถึง ๒ ชั้น แต่ละชั้นมีประตูกำกับ และแต่ละประตูมีที่มา เรื่องราวตั้งแต่ครั้งพญาเม็งราย ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนาเป็นผู้สร้างเวียงใหม่นี้ขึ้นมาแทนเมืองเก่าที่ประสบอุทกภัยจนล่มสลายที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อว่า เวียงกุมกาม ทิศ และประตูของเมืองเชียงใหม่ มีความน่าสนใจและสำคัญอยู่หลายประการ มีจารึกประจำประตู ลงอักขระ และวิธีการอ่านที่พิสดารจนยากแก่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจ ต้องพึ่งนักจารึกมาอธิบายกันเลยค่ะ คุณรุ่งวิทย์ได้ให้ข้อมูลความรู้ บอกเล่าถึงประตูแต่ละประตู และแจ่ง ซึ่งมีความหมายว่า มุม มีทั้งหมด ๔ มุม อย่างที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้นได้น่าสนใจมากๆ โดยอ้างอิงถึงตำนานเมืองเชียงใหม่ได้อย่างสนุกสนานค่ะ
ตลอดระยะเวลาของการใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวที่นี่คุณรุ่งวิทย์ยังมีโอกาสได้พบปะ และรู้จักกับบุคคลสำคัญหลายๆท่าน ทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่นที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติหลายท่าน มีตัวอย่างของบุคคลที่น่ายกย่อง น่าเอาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตได้อย่างน่าสนใจ อาทิ เช่น คุณสิงฆะ วรรณสัย นักวิชาการคุณธรรม ผู้เขียนตำราเรียนอักขรลานนาไทย ตำนานพระยาเจื่อน เป็นต้น หรือ อาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ ปัญญาชนล้านนา ที่คนไทยรู้จักท่านดี ท่านเป็นคนไทยคนแรกที่จบหลักสูตร MBA จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ชีวิตครอบครัวของท่าน มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ดิฉันอ่านแล้ว ก็อยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านต่อ เพราะยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมากมายที่บอกเล่าอยู่ในหนังสือเล่มนี้
หนังสือ ชุด Spirit of Chiangmai หรือ ชีวิตแสนสุขในเชียงใหม่ มีทั้งหมด ๓ เล่ม อีก ๒ เล่ม คือ ถนนสายสิเน่หา เชียงใหม่–ลำพูน และเล่มล่าสุด สายลมรักที่เชียงใหม่ ที่พึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ต้นปี ๒๕๖๑ ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
คุณผู้อ่านสามารถหาซื้อหนังสือทั้ง ๓ เล่มนี้ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป สั่งซื้อหนังสือ ทางออนไลน์ ได้ที่
www.se-ed.com
www.naiin.com
หรือจะสอบถามกับคุณรุ่งวิทย์โดยตรงที่ facebook : Roongwit Suwanapichon ก็ได้นะคะ ท่านมีความยินดีแลกเปลี่ยนความรู้ หรือบอกเล่าประสบการณ์ของท่านด้วยความเต็มใจยิ่งค่ะ ^^ หากคุณอยากรู้จักเชียงใหม่ ให้ได้มากกว่าการเป็นเมืองท่องเที่ยว หากคุณอยากทำให้การท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ มีความหมาย มีคุณค่า รู้ที่มา รู้ถึงความงดงามของรากเหง้า วัฒนธรรม ประเพณีที่งดงามจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แนะนำว่าต้องอ่านทั้ง ๓ เล่ม แล้วคุณผู้อ่านจะหลงรักเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เรียบเรียงโดย ; เอกชฎา ศรีสุวรรณ์